เป็นการตั้งค่า Virtual Memory ของระบบที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Performance กดที่ปุ่ม Settings >> Advanced และด้านล่างเลือกกดที่ปุ่ม Change จะได้ตามภาพ
![](http://lh4.ggpht.com/_6WO1kX4SLdA/SR8ZOr-WsoI/AAAAAAAAAvU/6lT4LeufRyA/s400/xp_speedup_001.gif)
ทำการเปลี่ยนค่าของ Virtual ให้เป็นแบบ Custom size และกำหนดไว้ที่ 512-512 ตามภาพแล้วกด OK จากนั้นเครื่องจะทำการ Restart ใหม่ครั้งหนึ่งก่อนครับ
* การปรับแต่ง Startup and Recovery ของระบบวินโดวส์
เป็นการกำหนดขั้นตอน เมื่อระบบวินโดวส์เริ่มต้นทำงาน และการกำหนดการกระทำ เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นให้เหมาะสม โดยทำการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Startup and Recovery กดที่ปุ่ม Settings จะได้ตามภาพ
![](http://lh4.ggpht.com/_6WO1kX4SLdA/SR8ZOq0qC5I/AAAAAAAAAvc/Pfq45jP75DA/s400/xp_speedup_002.gif)
ทำการยกเลิกการเครื่องหมายถูกใต้ช่อง System failure ออกให้หมด (สำหรับเครื่องหมายถูกด้านบนใต้ช่อง system startup ให้ปล่อยไว้ตามเดิม เนื่องจากเป็นการกำหนดการเลือกบูต Windows แบบหลายระบบ หรือถ้าหากเครื่องนั้น ลงระบบ Windows ไว้แค่ตัวเดียว ไม่ได้ใช้ลูกเล่นนี้ก็เอาออกไปได้เช่นกันครับ) จากนั้นก็กด OK ครับ
* การปรับแต่งระบบรายงานข้อผิดพลาดหรือ Error Reporting
เป็นการกำหนดวิธีการรายงานข้อผิดพลาด ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานอะไร ก็จัดการยกเลิกการทำงานส่วนนี้ซะเลย โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ที่ด้านล่าง ให้กดที่ปุ่ม Error Reporting จะได้ตามภาพ
![](http://lh4.ggpht.com/_6WO1kX4SLdA/SR8ZOw5Nk8I/AAAAAAAAAvk/hy-asSH8OJM/s400/xp_speedup_003.gif)
ทำการเลือกที่ช่อง Disable error reporting ตามภาพแล้วกด OK ครับ
* ปิดการทำงานของ System Restore เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์
เป็นการปิดการทำงานของระบบ System Restore หรือระบบย้อนเวลากลับของ Windows เช่น ถ้าหากเรามีการติดตั้ง ซอฟต์แวร์ลงไปในเครื่อง แล้วเกิดเปลี่ยนใจหรือว่าซอฟต์แวร์ตัวนั้น ไปสร้างปัญหาให้กับระบบ เราก็สามารถย้อยเวลากลับไป ณวันที่หรือเวลาที่เราต้องการได้ แต่เนื่องจากการที่จะสามารถ ย้อนเวลากลับไปได้นั้น Windows จะต้องใช้พื้นที่บน ฮาร์ดดิสก์ ส่วนหนึ่ง ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ด้วย ตรงนี้แหละครับที่เรียกว่า System Restore ซึ่งถ้าหาก ไม่ต้องการ ใช้งานระบบในส่วนนี้ ก็จัดการปิดการทำงานไปซะดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก System Restore ตามภาพ
![](http://lh5.ggpht.com/_6WO1kX4SLdA/SR8ZPRCMgUI/AAAAAAAAAvs/5-mu73OlzD0/s400/xp_speedup_004.gif)
ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ช่อง Turn off System Restore on all drive แล้วกด OK ครับ
* การตั้งให้ปิดระบบการทำงานของ Auto Update ไปเลยดีกว่า
เป็นการตั้งให้ระบบการอัพเดตไฟล์หรือ Patch ต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของ microsoft แบบอัตโนมัติไม่ทำงาน เนื่องจาก ถ้าหากมีการตั้ง Auto Update นี้ไว้ จะทำให้เมื่อเล่นอินเตอร์เน็ตแล้ว จะมีการเช็คหรือตรวจสอบอยู่บ่อย ๆ รวมถึงในบางครั้ง อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ Windows ต่อเน็ตเองด้วย ซึ่งหากเราต้องการที่จะทำการอัพเดตจริง ๆ ก็สามารถสั่งเองได้เช่นกัน โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Automatic Updates ตามภาพ
![](http://lh4.ggpht.com/_6WO1kX4SLdA/SR8ZPcCPsHI/AAAAAAAAAv0/_8LSZuOsz3Q/s400/xp_speedup_005.gif)
เอาเครื่องหมายถูกหน้าช่อง Keep my computer up to date... ออกไปและกด OK ครับ
* การปิดการทำงานของระบบ Remote Desktop
เป็นการปิดการทำงานของการใช้งาน Remote Desktop หรือการทำ Remote จากเครืองคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยปกติเราจะไม่ได้มีการใช้งานส่วนนี้อยู่แล้ว ปิดไปเลยดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Remote ตามภาพ
![](http://lh3.ggpht.com/_6WO1kX4SLdA/SR8ZccAatsI/AAAAAAAAAv8/rAkMgtnaPRE/s400/xp_speedup_006.gif)
เอาเครื่องหมายถูกออกไปให้หมดเหมือนภาพด้านบน และกดที่ปุ่ม OK ครับ
* การปรับแต่งระบบ Registry ของระบบวินโดวส์ให้ทำงานได้ดีขึ้น
1. การปรับแต่งวินโดวส์ให้บูตเร็วขึ้น โดยการปรับค่า Memory Management
2. การปรับแต่งวินโดวส์ให้เล่นเน็ตเร็วขึ้น โดยการปรับแต่งค่า MAXConectionsPerServer
3. การปรับแต่งวินโดวส์ให้ชัตดาวน์ได้เร็วขึ้น โดยการปรับค่าต่าง ๆ ของระบบ
สำหรับขั้นตอนต่าง ๆ เท่าที่พอจะทำการปรับแต่งได้
ที่มาhttp://com-th.net/windowsxp/?xpspeedup
ขอบคุณ http://www.itzones.org/forum/index.php?topic=802.0
..................................................................................................................
5 ขั้นตอนปรับแต่ง Window 7 ให้เร็วขึ้น
Window 7
ขั้นแรกในการปรับแต่งความเร็วของ Window 7 คือการจัดการกับ startup ให้มีจำนวนของ program เท่ากับที่จำเป็นหรือมีแค่ program ที่เราต้องการเท่านั้น เพื่อไม่ต้องให้ window 7 ไปเสียเวลาเรียก program ที่เราไม่ได้ใช้ขึ้นมา ทำได้โดย- พิมพ์ “msconfig” ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกด enter เพื่อเข้าไปจัดการกับ system configuration
- จากนั้นไปที่ tab “Startup” แล้วทำการ disable program ที่เราไม่ต้องการให้ถูกเรียกใช้งานตอนที่ทำการ boot window 7 ขึ้นมา
- ข้อควรระวังคือทำการ disable เฉพาะ program ที่เรารู้จักและแน่ใจจริงๆ ว่าไม่ต้องการใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้ window 7 ทำงานผิดพลาด
ขั้นที่สอง เพิ่มความเร็วในการ Boot ของ window 7 ทำได้โดย
- พิมพ์ “msconfig” ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกด enter เพื่อเข้าไปจัดการกับ system configuration
- จากนั้นไปที่ tab “Boot” แล้วเลือก “Advance Options” เพื่อทำการตั้งค่าของ “Number of processor”
- พิมพ์ “regedit” ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกด enter เพื่อเข้าไปแก้ไข registry ของ window 7
- Registry Editor จะเปิดขึ้นมาจากนั้น จากนั้นเลือกไปที่ “HKEY_LOCAL_MACHINE/SYSTEM/CurrentControlSet/Control”
- คลิ้กขวาที่ “WaitToKillServiceTimeOut” เพื่อเปลี่ยนค่าของเวลา แล้วทำการตั้งค่าเป็นตัวเลขที่น้อยลง โดยปกติอยู่ระหว่าง 2000 – 20000 หรือ 2 – 20 วินาที
ขั้นที่สี่ เพื่อป้องกันการทำงานช้าของ Window 7 เราควรหลีกเลี่ยงการใช้งานของ Aero Theme เพราะ feature นี้ใช้ resource ของ window 7 และใช้ CPU มาก ทำได้โดย
- คลิ้กขวาที่ desktop ของ window 7 แล้วเลือก “Personalize”
- จากนั้นเลือกไปที่ tab “Window Color” แล้วทำการ uncheck “Enable Transparency”
- จากนั้นเลือกไปที่ “Open classic appearance properties for more color options” แล้วเลือก Basic Theme
- ลบ file จาก Temp Directory โดยพิมพ์ %temp% ในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกด Enter จากนั้นทำการลบ file ที่อยู่ใน folder
- ลบ file จาก Software Distribution โดยเปิดหน้าต่าง Windows Explorer แล้วพิมพ์ C:\Windows\SoftwareDistribution\Download ลงไปใน Address Bar แล้วกด Enter จากนั้นทำการลบ file ที่อยู่ใน folder
- ลบ file จาก Internet Cache Files ลบได้จากเมนูใน browse ที่เราใช้
- ลบ file จาก Window TEMP Directory โดยพิมพ์ C:\Windows\Temp ในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกด Enter จากนั้นทำการลบ file ที่อยู่ใน folder
- ลบ file จาก Recycle Bin สำหรับอันนี้ทุกคนคงทำเป็นแค่คลิกขวาที่ Recycle bin แล้วเลือกคำสั่ง Empty Recycle Bin ง่ายๆ แต่สำคัญเพราะ file ทั้งหมดที่ถูกลบจากขั้นตอนด้านบนจะมาอยู่ที่ Recycle Bin นี่จนกว่าเราจะทำการลบ file ทั้งหมดในนี้
- http://www.allaboutnotebook.com/2010/5-tips-speedup-window-7/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น